โรคน้ำเกินในโพรงสมอง

General Knowledge

โรคน้ำเกินในโพรงสมอง

ภาวะน้ำคั่งในโพรงสมอง (Hydrocephalus) ภัยเงียบที่ไม่ได้เกิดแค่ในเด็ก

 

หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อ "โรคน้ำในสมอง" และมักนึกถึงภาพเด็กทารกที่มีศีรษะโตผิดปกติ แต่ความจริงแล้ว ภาวะน้ำคั่งในโพรงสมอง (Hydrocephalus) เป็นภาวะที่สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่ทารกในครรภ์ไปจนถึงผู้สูงอายุ และมักถูกวินิจฉัยผิดพลาดว่าเป็นโรคอื่น โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่อาการคล้ายกับโรคสมองเสื่อม การทำความเข้าใจภาวะนี้อย่างถูกต้องจึงเป็นกุญแจสำคัญที่นำไปสู่การรักษาที่ทันท่วงทีและช่วยให้ผู้ป่วยกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีได้

 

ภาวะน้ำคั่งในโพรงสมอง (Hydrocephalus) คืออะไร?

โดยปกติแล้ว ในสมองของคนเราจะมีโพรงสมอง (Ventricles) ซึ่งมี น้ำหล่อเลี้ยงสมองและไขสันหลัง (Cerebrospinal Fluid - CSF) ไหลเวียนอยู่ตลอดเวลา น้ำนี้ทำหน้าที่สำคัญหลายอย่าง เช่น เป็นเกราะกันกระแทกให้สมอง, นำสารอาหารไปเลี้ยงเซลล์สมอง และนำของเสียออกจากสมอง

 

Hydrocephalus คือภาวะที่เกิดความผิดปกติของการไหลเวียนน้ำ CSF ทำให้มีน้ำสะสมอยู่ในโพรงสมองมากเกินไป ส่งผลให้โพรงสมองขยายใหญ่ขึ้นและเกิดแรงดันในกะโหลกศีรษะเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะไปกดเบียดเนื้อสมองและทำให้สมองได้รับความเสียหาย

 

สาเหตุเกิดจากอะไร?

ภาวะนี้เกิดจากความไม่สมดุลระหว่างการสร้างและการดูดซึมกลับของน้ำ CSF โดยมีสาเหตุหลัก 3 ประการ:

  1. การอุดกั้นทางเดินของน้ำ (Obstructive Hydrocephalus): เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด อาจเกิดจากเนื้องอกในสมอง, เลือดออกในสมอง, การติดเชื้อ หรือความผิดปกติแต่กำเนิด
  2. การดูดซึมน้ำกลับผิดปกติ (Communicating Hydrocephalus): ทางเดินของน้ำไม่ได้อุดตัน แต่กลไกการดูดซึมน้ำกลับเข้าสู่หลอดเลือดดำทำงานได้ไม่ดีพอ มักเกิดหลังการอักเสบติดเชื้อในเยื่อหุ้มสมอง หรืออุบัติเหตุที่ศีรษะ
  3. การสร้างน้ำมากเกินไป (Overproduction): เป็นสาเหตุที่พบได้น้อยมาก เกิดจากเนื้องอกบางชนิดที่สร้างน้ำ CSF มากผิดปกติ

 

อาการที่ต้องสังเกต: แตกต่างกันในแต่ละช่วงวัย

อาการของ Hydrocephalus จะแสดงออกมาแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับอายุของผู้ป่วย

 

กลุ่มเด็กทารกและเด็กเล็ก:

  1. ศีรษะขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว หรือมีขนาดโตกว่าปกติเมื่อเทียบกับเด็กวัยเดียวกัน
  2. กระหม่อมด้านหน้าโป่งตึง และเต้นตุบๆ
  3. เส้นเลือดดำที่หนังศีรษะโป่งพองเห็นได้ชัด
  4. อาการตาดำลอยต่ำ (Sunsetting Eyes) มองเห็นตาขาวเหนือตาดำมากกว่าปกติ
  5. อาเจียนพุ่ง ซึมลง ไม่ดูดนม ร้องกวนผิดปกติ
  6. พัฒนาการช้า

 

กลุ่มผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ:

อาการในผู้ใหญ่มักจะค่อยเป็นค่อยไปและไม่ชัดเจนเท่าในเด็ก ทำให้หลายครั้งถูกเข้าใจผิดว่าเป็นโรคอื่น

  1. ปวดศีรษะเรื้อรัง โดยเฉพาะช่วงเช้า อาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย
  2. การมองเห็นผิดปกติ เช่น ตาพร่ามัว มองเห็นภาพซ้อน
  3. ปัญหาการทรงตัว เดินลำบาก เดินขากาง หรือเดินซอยเท้าสั้นๆ เหมือนเท้าติดแม่เหล็ก (Magnetic Gait)
  4. ปัญหาด้านความจำและความคิด: ความจำแย่ลง สับสนง่าย บุคลิกภาพเปลี่ยนไป ทำงานที่เคยทำได้ช้าลง (อาการคล้ายโรคสมองเสื่อม)
  5. ปัญหาการควบคุมปัสสาวะ: กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือปัสสาวะบ่อยผิดปกติ

 

ข้อควรระวัง: ในผู้สูงอายุ หากพบ 3 อาการหลักร่วมกัน คือ 1. เดินผิดปกติ, 2. ความจำเสื่อม และ 3. กลั้นปัสสาวะไม่ได้ ให้สงสัยภาวะน้ำคั่งในโพรงสมองชนิดความดันปกติ (Normal Pressure Hydrocephalus - NPH) ซึ่งเป็น "โรคสมองเสื่อมที่รักษาได้"

 

การวินิจฉัยและการรักษา

การวินิจฉัย: แพทย์จะซักประวัติ ตรวจร่างกายทางระบบประสาท และใช้การตรวจทางรังสีวิทยาเพื่อยืนยัน เช่น การทำ CT Scan หรือ MRI สมอง เพื่อดูขนาดของโพรงน้ำในสมองและหาสาเหตุของการอุดกั้น

การรักษา: เป้าหมายคือการลดแรงดันในสมองโดยการระบายน้ำส่วนเกินออกไป ซึ่งการรักษาหลักคือ "การผ่าตัด"

  1. การผ่าตัดใส่ท่อระบาย (Shunt Placement): เป็นวิธีมาตรฐาน แพทย์จะใส่ท่อขนาดเล็กพร้อมลิ้นควบคุมแรงดัน เพื่อระบายน้ำ CSF ส่วนเกินจากโพรงสมองไปยังส่วนอื่นของร่างกายที่สามารถดูดซึมน้ำได้ เช่น ช่องท้อง (VP Shunt) หรือหัวใจห้องบนขวา (VA Shunt)
  2. การผ่าตัดส่องกล้อง (Endoscopic Third Ventriculostomy - ETV): เป็นการใช้กล้องขนาดเล็กสอดเข้าไปในโพรงสมองเพื่อเจาะรูสร้างทางเบี่ยงให้น้ำสามารถไหลเวียนได้ตามปกติ เหมาะสำหรับผู้ป่วยบางรายที่มีการอุดกั้นที่ชัดเจน

 

ความสำคัญของการตรวจพบแต่เนิ่นๆ

Hydrocephalus เป็นภาวะที่อันตรายหากไม่ได้รับการรักษา เพราะแรงดันที่เพิ่มขึ้นจะทำลายเนื้อสมองอย่างถาวร แต่หากได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างรวดเร็วและถูกต้อง ผู้ป่วยจำนวนมากสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่เป็นภาวะ NPH การรักษาที่ทันท่วงทีสามารถทำให้อาการต่างๆ ดีขึ้นได้อย่างน่าทึ่ง

 

หากคุณหรือคนในครอบครัว โดยเฉพาะเด็กเล็กหรือผู้สูงอายุ มีอาการที่น่าสงสัยตามที่กล่าวมา ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสมองและระบบประสาททันที เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสในการรักษา