General Knowledge
ภาวะน้ำคั่งในโพรงสมอง (Hydrocephalus) ภัยเงียบที่ไม่ได้เกิดแค่ในเด็ก
หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อ "โรคน้ำในสมอง" และมักนึกถึงภาพเด็กทารกที่มีศีรษะโตผิดปกติ แต่ความจริงแล้ว ภาวะน้ำคั่งในโพรงสมอง (Hydrocephalus) เป็นภาวะที่สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่ทารกในครรภ์ไปจนถึงผู้สูงอายุ และมักถูกวินิจฉัยผิดพลาดว่าเป็นโรคอื่น โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่อาการคล้ายกับโรคสมองเสื่อม การทำความเข้าใจภาวะนี้อย่างถูกต้องจึงเป็นกุญแจสำคัญที่นำไปสู่การรักษาที่ทันท่วงทีและช่วยให้ผู้ป่วยกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีได้
ภาวะน้ำคั่งในโพรงสมอง (Hydrocephalus) คืออะไร?
โดยปกติแล้ว ในสมองของคนเราจะมีโพรงสมอง (Ventricles) ซึ่งมี น้ำหล่อเลี้ยงสมองและไขสันหลัง (Cerebrospinal Fluid - CSF) ไหลเวียนอยู่ตลอดเวลา น้ำนี้ทำหน้าที่สำคัญหลายอย่าง เช่น เป็นเกราะกันกระแทกให้สมอง, นำสารอาหารไปเลี้ยงเซลล์สมอง และนำของเสียออกจากสมอง
Hydrocephalus คือภาวะที่เกิดความผิดปกติของการไหลเวียนน้ำ CSF ทำให้มีน้ำสะสมอยู่ในโพรงสมองมากเกินไป ส่งผลให้โพรงสมองขยายใหญ่ขึ้นและเกิดแรงดันในกะโหลกศีรษะเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะไปกดเบียดเนื้อสมองและทำให้สมองได้รับความเสียหาย
สาเหตุเกิดจากอะไร?
ภาวะนี้เกิดจากความไม่สมดุลระหว่างการสร้างและการดูดซึมกลับของน้ำ CSF โดยมีสาเหตุหลัก 3 ประการ:
อาการที่ต้องสังเกต: แตกต่างกันในแต่ละช่วงวัย
อาการของ Hydrocephalus จะแสดงออกมาแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับอายุของผู้ป่วย
กลุ่มเด็กทารกและเด็กเล็ก:
กลุ่มผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ:
อาการในผู้ใหญ่มักจะค่อยเป็นค่อยไปและไม่ชัดเจนเท่าในเด็ก ทำให้หลายครั้งถูกเข้าใจผิดว่าเป็นโรคอื่น
ข้อควรระวัง: ในผู้สูงอายุ หากพบ 3 อาการหลักร่วมกัน คือ 1. เดินผิดปกติ, 2. ความจำเสื่อม และ 3. กลั้นปัสสาวะไม่ได้ ให้สงสัยภาวะน้ำคั่งในโพรงสมองชนิดความดันปกติ (Normal Pressure Hydrocephalus - NPH) ซึ่งเป็น "โรคสมองเสื่อมที่รักษาได้"
การวินิจฉัยและการรักษา
การวินิจฉัย: แพทย์จะซักประวัติ ตรวจร่างกายทางระบบประสาท และใช้การตรวจทางรังสีวิทยาเพื่อยืนยัน เช่น การทำ CT Scan หรือ MRI สมอง เพื่อดูขนาดของโพรงน้ำในสมองและหาสาเหตุของการอุดกั้น
การรักษา: เป้าหมายคือการลดแรงดันในสมองโดยการระบายน้ำส่วนเกินออกไป ซึ่งการรักษาหลักคือ "การผ่าตัด"
ความสำคัญของการตรวจพบแต่เนิ่นๆ
Hydrocephalus เป็นภาวะที่อันตรายหากไม่ได้รับการรักษา เพราะแรงดันที่เพิ่มขึ้นจะทำลายเนื้อสมองอย่างถาวร แต่หากได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างรวดเร็วและถูกต้อง ผู้ป่วยจำนวนมากสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่เป็นภาวะ NPH การรักษาที่ทันท่วงทีสามารถทำให้อาการต่างๆ ดีขึ้นได้อย่างน่าทึ่ง
หากคุณหรือคนในครอบครัว โดยเฉพาะเด็กเล็กหรือผู้สูงอายุ มีอาการที่น่าสงสัยตามที่กล่าวมา ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสมองและระบบประสาททันที เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสในการรักษา