Office Syndrome ไม่ใช่ชื่อโรค แต่เป็น "กลุ่มอาการ" ที่เกิดจากการใช้กล้ามเนื้อมัดเดิมซ้ำๆ เป็นเวลานานต่อเนื่อง ประกอบกับท่านั่งหรือสภาพแวดล้อมการทำงานที่ไม่เหมาะสม ทำให้กล้ามเนื้อเกิดการตึงตัว อักเสบ และส่งผลให้เกิดอาการเจ็บปวดตามมา
ลองสำรวจตัวเองว่ามีอาการเหล่านี้บ้างหรือเปล่า:
- ปวดกล้ามเนื้อเรื้อรังเฉพาะส่วน เช่น คอ, บ่า, ไหล่, สะบัก มักจะเป็นๆ หายๆ
- ปวดหลังส่วนล่าง จากการนั่งนานๆ หรือนั่งหลังค่อม
- ปวดศีรษะ หรือเวียนศีรษะโดยไม่ทราบสาเหตุ บางครั้งอาจปวดร้าวถึงกระบอกตา
- มีอาการชา หรืออ่อนแรงบริเวณแขน มือ หรือปลายนิ้ว (อาจเกิดจากเส้นประสาทถูกกดทับ)
- ปวดข้อมือ หรือมีอาการ "นิ้วล็อก" จากการใช้เมาส์หรือคีย์บอร์ดมากเกินไป
- ตาพร่ามัว ปวดตา แสบตา จากการจ้องหน้าจอนานๆ
สาเหตุหลักที่ชาวออฟฟิศต้องเจอ
- ท่านั่งที่ไม่ถูกต้อง:นั่งหลังค่อม, ก้มคอเล่นมือถือ, ยื่นหน้าเข้าหาจอคอมพิวเตอร์
- สภาพแวดล้อมการทำงาน:ระดับโต๊ะ เก้าอี้ และหน้าจอคอมพิวเตอร์ไม่เหมาะสมกับสรีระ
- การทำงานต่อเนื่อง:นั่งอยู่ในท่าเดิมนานเกินไป ขาดการเคลื่อนไหวหรือเปลี่ยนอิริยาบถ
- ความเครียด:ความเครียดจากการทำงานทำให้กล้ามเนื้อเกร็งตัวโดยไม่รู้ตัว
วิธีป้องกันและบรรเทาอาการ Office Syndrome ง่ายๆ (ทำได้เลยที่โต๊ะทำงาน!)
สุขภาพดีสร้างได้ง่ายๆ ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพียงเล็กน้อย:
- ปรับโต๊ะทำงานและท่านั่งให้ถูกต้อง (Ergonomics)
หน้าจอ: ขอบบนของจอควรอยู่ระดับสายตาพอดี ไม่ต้องก้มหรือเงยหน้ามอง
เก้าอี้: ควรมีพนักพิงรองรับถึงหลังส่วนล่าง นั่งให้เต็มก้น หลังตรงชิดพนักพิง
เข่าและเท้า: ปรับระดับเก้าอี้ให้เข่างอ 90 องศา และเท้าวางราบกับพื้นได้พอดี
แขนและข้อมือ: วางแขนบนที่พักแขนให้ข้อศอกงอประมาณ 90 องศา และวางข้อมือในแนวตรงกับแขนขณะใช้คีย์บอร์ดและเมาส์
- พักเบรกและเปลี่ยนอิริยาบถ
ลุกขึ้นยืนทุก 1 ชั่วโมง: ควรลุกขึ้นเดิน ยืดเส้นยืดสาย หรือไปเข้าห้องน้ำ เพื่อให้กล้ามเนื้อได้ผ่อนคลาย
พักสายตาทุก 20 นาที: ใช้กฎ "20-20-20" คือ ทุกๆ 20 นาที ให้มองไปไกลๆ ประมาณ 20 ฟุต เป็นเวลา 20 วินาที เพื่อลดอาการตาล้า
- 5 ท่ายืดเส้นพิชิต Office Syndrome (ทำได้ที่เก้าอี้)
ท่ายืดกล้ามเนื้อคอ: นั่งหลังตรง เอียงศีรษะไปด้านข้างช้าๆ ใช้มือช่วยกดเบาๆ ค้างไว้ 15 วินาที แล้วสลับข้าง
ท่ายืดไหล่และสะบัก: ประสานมือเหยียดไปข้างหน้าให้สุด แล้วยกขึ้นเหนือศีรษะ ค้างไว้ 15 วินาที
ท่าบิดตัวยืดกล้ามเนื้อหลัง: นั่งหลังตรง บิดลำตัวไปด้านข้างโดยใช้มือจับพนักพิงเก้าอี้ช่วย ค้างไว้ 15 วินาที แล้วสลับข้าง
ท่ายืดกล้ามเนื้อแขนและข้อมือ: เหยียดแขนไปข้างหน้า กระดกข้อมือขึ้น-ลง ใช้มืออีกข้างช่วยดัดเบาๆ ค้างไว้ท่าละ 15 วินาที
ท่ายืดกล้ามเนื้อสะโพก: นั่งบนเก้าอี้ ยกข้อเท้าข้างหนึ่งมาพาดบนเข่าอีกข้าง แล้วค่อยๆ ก้มตัวลงช้าๆ จนรู้สึกตึงบริเวณสะโพก ค้างไว้ 15 วินาที แล้วสลับข้าง
- ออกกำลังกายเสริมความแข็งแรง
นอกเหนือจากการยืดเส้น ควรออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวและสะบัก เช่น โยคะ, พิลาทิส, ว่ายน้ำ หรือเวทเทรนนิ่ง จะช่วยป้องกันอาการปวดในระยะยาวได้
เมื่อไหร่ที่ควรไปพบแพทย์?
หากคุณมีอาการปวดรุนแรงต่อเนื่อง, ปวดร้าวลงแขนหรือขา, มีอาการชาหรืออ่อนแรงอย่างชัดเจน หรือพักและยืดเส้นแล้วอาการไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์หรือนักกายภาพบำบัดเพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง
บทสรุป:
Office Syndrome อาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่หากสะสมเป็นเวลานานอาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ ในแต่ละวัน คือการลงทุนเพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว [ชื่อบริษัท] สนับสนุนให้พนักงานทุกคนดูแลสุขภาพของตนเอง เพื่อให้เราเติบโตและก้าวไปข้างหน้าอย่างแข็งแกร่งและมีความสุขไปพร้อมๆ กัน